วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เก็บตกมหัศจรรย์งานเลี้ยงช้าง


                                               
                                                       ครั้งที่53



    เมื่อวันที่วันนี้(14 พ.ย. 2556) ที่สนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ จัดให้มีการซ้อมใหญ่การแสดงของช้างจังหวัดสุรินทร์ ก่อนที่จะมีการแสดงจริงอย่างยิ่งใหญ่ ในวันเสาร์ที่ 16 และวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน นี้ระหว่างเวลา 09.00 – 11.00 น. วันละ 1 รอบ ในการซ้อมใหญ่ในวันนี้จะมีการแสดงเหมือนวันแสดงจริงทุกอย่าง ประกอบด้วยฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่อลังการ จำนวน 8 องก์ และได้จัดทำการเลี้ยงช้างอย่างยิ่งใหญ่





















วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP งานช้างแฟร์

                     เสือกก จากมหาสารคราม

เอกลักษณ์/จุดเด่นผลิตภภัณฑ์
ทำด้วยมือ ผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่น
มีลายให้เลือกมากมาย
มีทังแบบผืนและแบบพับขนาดใหญ่และเล็กตามต้องการ
มีหลายแบบหลายราคาให้เลือก
มีทังประเภทหยาบและประเภทละเอียด




วัตถุดิบและส่วนประกอบ
1. ต้นกก
2. เชือกไนลอน             

3. สีย้อมไหม (สีเคมี)
 4. ผ้าโทเร
5. น้ำ
อุปกรณ์
1. ฟืม
2. ไม้สอด
3. กี่
4. ปี๊บ
5. เตา
6. ไม้พาย
7. กาละมังใบใหญ

การผลิตขั้นตอน
1. นำต้นกกที่ได้มาฉีกเป็นเส้น ต้นใหญ่ เส้น ต้นเล็ก เส้น แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิทจนขึ้นสีขาว
2. นำมาย้อมสีโดย การต้มน้ำเปล่าให้เดือดแล้วใส่สี โดยจะย้อมตามความต้องการ จากนั้นจำต้นกกลงย้อมครั้งเดียวประมาณ 15 นาที อย่างต่ำ แล้วนำขึ้นจากแดดจัดให้แห้งสนิท(สำหรับไว้เล่นลาย) ส่วนสีพื้นไม่ต้องย้อม
3. เมื่อย้อมสีแล้วต้องนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย ครั้งจึงจะนำขึ้นตาก

จากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านแพง15 หมู่ 1 บ้านแพง ตำบลแพง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม 44140 โทร043 776065, 08 9505 8145






วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เสือกก บ้านโคกสะอาด สินค้า OTOP ของจังหวัดสุรินทร์

                                  
                                        เสือกก สินค้า OTOP

ความเป็นมา
        แต่เดิมบรรพบุรุษของชาวบ้านโคกสะอาดหมู่ที่ 9 ตำบลหนองฮะ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ได้ทอเสื่อกกไว้ใช้ในครัวเรือนโดยได้เก็บต้นกกจากหนองน้ำตามธรรมชาติ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2532 นายสมบัติ สอนดี ได้เห็นนางมี บุญเต็ม นั่งทอเสื่อ จึงได้เกิดความสนใจเริ่มเรียนรู้และทอเสื่อกกด้วยตัวเองไว้ใช้ โดยมีนางมี บุญเต็มคอยสอนให้ต่อมาปี2538 ได้มีการรวมกลุ่มกันชื่อกลุ่ม “ทอเสื่อกกบ้านโคกสะอาด แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนกลุ่ม เริ่มแรกมีสมาชิก 12 คน แบ่งหน้าที่ต่างคนต่างทำสอนกันไปเรื่อย ๆ มีลายเดียว โดยใช้สีย้อมไหมย้อมเป็นสีตามความต้องการ ต่อมาปี2545 มีพัฒนากรผู้ประสานงานตำบล ชื่อนายดำรง สมหอม ได้ให้กลุ่มลงทะเบียนเป็นสินค้าOTOP จึงมีสมาชิกเพิ่มเติม เป็น 22 คนและได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสำโรงทาบ นำกลุ่มไปทัศนศึกษาดูงานที่อำเภอขุขันธ์จังหวัดศีรสะเกษ โดยได้ดูการทอเสื่อจากต้นเตยหนาม ทางกลุ่มจึงได้นำมาประยุกต์ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์โดยได้ทำฟืมจากไม้ไผ่เพื่อทำลายไว้ใช้เอง และต่อมาคนในชุมชนได้มีความสนใจมากขึ้นจนเกือบทุกหลังคาเรือนจึงได้มีการสอนการทำเสื่อกกเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนจนถึงปัจจุบันใน ปี2543 ชาวบ้านโคกสะอาดได้ไปช่วยงานแต่งงานของญาติพี่น้องที่จังหวัดขอนแก่น ได้เห็นชาวบ้านทอเสื่อกกจากต้นกกราชินี(ต้นไหล)ซึ่งมีความละเอียด สวยงาม กว่ากกที่บ้าน จึงได้ขอพันธ์มาปลูกที่บ้านโคกสะอาดโดยได้ปลูกกันเกือบทุกหลังคา จากนั้นจึงได้มีการเก็บต้นกกราชินีนำมาทอเป็นเสื่อกกและมีการพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดผลิตภัณฑ์เสื่อกกมีทั้งแบบจากต้นกก(เกาะ)ในบ้านและต้นกกราชินี โดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากแหล่งอื่น




เอกลักษณ์/จุดเด่นผลิตภภัณฑ์
- ทำด้วยมือ ผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่น
- มีลายให้เลือกมากมาย
- มีทังแบบผืนและแบบพับขนาดใหญ่และเล็กตามต้องการ
- มีหลายแบบหลายราคาให้เลือก
- มีทังประเภทหยาบและประเภทละเอียด
มาตราฐานและรางวัลที่ได้รับ
- คัดสรรผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 2 ดาว ปี 2547
- คัดสรรผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 4 ดาว ปี 2549
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปี 2549
- ขึ้นทะเบียนวิสาหกิจชุมชนปี 2548
ความสัมพันธ์กับชุมชน
กลุ่มได้ใช้ฝีมือแรงงานและวัตถุดิบจากในชุมชน มีการพึ่งพาอาศัยกันและกัน โดยแบ่งหน้าที่ทำตามที่ได้รับมอบหมายมีการแบ่งกำไร ส่วนที่เหลือนำไว้เป็นทุนดำเนินการต่อไปในส่วนกองกลางของกลุ่ม
วัตถุดิบและส่วนประกอบ
1. ต้นกก
2. เชือกไนลอน                             
3. สีย้อมไหม (สีเคมี)
4. ผ้าโทเร
5. น้ำ
อุปกรณ์
1. ฟืม
2. ไม้สอด
3. กี่
4. ปี๊บ
5. เตา
6. ไม้พาย
7. กาละมังใบใหญ่
การผลิตขั้นตอน
1. นำต้นกกที่ได้มาฉีกเป็นเส้น ต้นใหญ่ 3 เส้น ต้นเล็ก 2 เส้น แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิทจนขึ้นสีขาว
2. นำมาย้อมสีโดย การต้มน้ำเปล่าให้เดือดแล้วใส่สี โดยจะย้อมตามความต้องการ จากนั้นจำต้นกกลงย้อมครั้งเดียวประมาณ 15 นาที อย่างต่ำ แล้วนำขึ้นจากแดดจัดให้แห้งสนิท(สำหรับไว้เล่นลาย) ส่วนสีพื้นไม่ต้องย้อม
3. เมื่อย้อมสีแล้วต้องนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ครั้งจึงจะนำขึ้นตาก
ขั้นตอนการทอเสื่อแบบผืน
1. นำกกที่ได้จากการย้อมและตากแห้งแล้ว มาทอโดยการใส่ไม้สอดในฟืม แล้วใช้กี่ตำ เล่นลายตามชอบใจลายที่ทอส่วนใหญ่จะมี 3 - 4 ลาย ได้แก่
- ลายกระจับ
- ลายอุ้ม
- ลายสอง
2. ทอจนหมดฟืม จะได้ขนาดตามฟืม ดังนี้
2.1 ฟืมใหญ่ ขนาด 1.20X 2 เมตร
2.2 ฟืมกลาง ขนาด 90 X 180 เซ็นติเมตร
2.3 ฟืมเล็ก ขนาด 70 X 150 เซ็นติเมตร
3. ตัดออกจากฟืมและตกแต่งความสวยงามด้วยกรรไกร เป็นอันเสร็จ
กลุ่มผู้ประกอบการ
กลุ่มผู้ผลิต กลุ่มทอเสื่อกกบ้านโคกสะอาด หมู่ที่ 9 ตำบลหนองฮะ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์
โทรศัพท์ 087-0605575
ประธานกลุ่ม นายสมบัติ สอนดี
สถานที่ตั้งกลุ่ม บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 9 บ้านโคกสะอาด ตำบลหนองฮะ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ 
แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์
- กลุ่มทอเสื่อกกบ้านโคกสะอาดบ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 9 ตำบลหนองฮะ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์
- ศูนย์จำหน่ายสินค้าOTOP จังหวัดสุรินทร์
- ที่ว่าการอำเภอสำโรงทาบโทร.044-569256
- การจำหน่ายสินค้า OTOPประทายสะเร็น (ทุกเดือน)บริเวณถนนกรุงศรีนอก อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์






วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ 2013


งานช้างสุรินทร์ปี 2556


  


        งานช้างและงานกาชาดสุรินทร์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถือได้ว่าเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวสุรินทร์ โดยงานแสดงช้างจะจัดพร้อมกันกับงานกาชาดจังหวัดสุรินทร์ เป็นที่รู้จักกันทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุรินทร์เพื่อชมการแสดงของช้างอันยิ่งใหญ่อย่างคับคั่งเป็นประจำทุกปี 
           ภายในงานมีการประกวดตกแต่งรถอาหารช้าง การแสดงขบวนแห่ช้างเข้าเมืองกว่า 300 เชือก พิธีต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้าง โต๊ะจีนยาวกว่า 500 เมตร พร้อมอาหารกว่า 50 ตัน การแสดงความสามารถของช้าง และการแสดงแสง สี เสียง ที่ยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี

           จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 (ททท.) ขอเชิญทุกท่านเที่ยวงาน "มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ 2556" ณ บริเวณสนามแสดงช้าง จังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 8-19 พฤศจิกายน 2556 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์











วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

เก็บตกน้ำท่วมสุรินทร์ในรอบ 40 ปี

 

       เมื่อวันที่ 19-22 เดือน กันยายน 2556 จังหวัดสุรินทร์ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทั้งทั่วจังหวัดเนื่องจากพายุใต้ฝุ่นพัดมาผ่านประเทศไทย จึงเกิดฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ เพราะ
เหตุนี้จึงทำให้ฝนตกตลอดทั้งวันทำให้ระบายน้ำไม่ทันและการปล่อยน้ำจำห้วยเสนงที่กลัวว่าน้ำจะหล่นเขื่อนจึงได้ปล่อยน้ำออกมาด้วยฝนที่ตกหนักจึงส่งผลให้ถนน บ้านเรือน จมอยู่ใต้น้ำ นับว่าเป็นความเสียหายหนักในรอบ 40 ปี และน้ำป่าจากเทือกเขาพนมดงรักไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่กว่าทั้ง 17 อำเภอของจังหวัดสุรินทร์โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ครั้งนี้ก็ขอเอาใจช่วยชาวสุรินทร์ทุกคนและเป็นกำลังใจให้ชาวสุรินทร์สู้ๆๆๆๆค่ะ





     
                              

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เก็บตกกิจกรรมสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

โครงการเสริมคุณธรรมจริยธรรมและสานสัมพันธ์นักศึกษาสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ




วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2556
                  โครงการนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้รับความรู้และความสามัคคีในหมู่คณะได้ฟังการเสวนาเรื่อง ประสบการณ์จากพี่สู่น้อง ซึ่งมีรุ่นพี่ที่จบไปแล้วสามารถได้งานทำเล่าประสบการณ์การสมัครงาน การสอบสัมภาษณ์ว่าเป็นแบบไหนและแนะนำการไปสมัครงานที่ไหนดี เหมาะสมกับงาน   เวลาต่อมาก็เป็นกิจกรรมเข้าฐานเสริมสร้างความสามัคคี ซึ่งฐานของกิจกรรมนี้มีอยู่ ฐานแต่ละฐานก็มีความสนุกความสามัคคีต่างกัน แต่ฐานทำให้พวกข้าพเจ้าตื่นเต้นมากที่ข้าพเจ้าประทับใจมากที่สุดก็คือ ฐานใบ้คำเป็นฐานที่ทำให้ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ สนุก มีความสุขและได้เสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ในการเข้าร่วมอบรมโครงการนี้ ส่วนเวลาต่อมาก็รับประทานอาหารเย็นร่วมกันทั้งท่านคณะอาจารย์หลายๆท่าน
ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย มีการแสดงจากรุ่นน้องปี 1 มาแสดง และกิจกรรมที่สำคัญก็คือ กิจกรรมการไหว้แม่ของน้องปี 1 และตัวแทนของแต่ละห้องทุกชั้นปีไหวท่านอาจารย์   ต้องขอขอบคุณอาจาร์ยทุกท่านในครั้งนี้เป็นอย่างมากค่ะ 











12สิงหาวันแม่แห่งชาติ

12 สิงหา วันแม่แห่งชาติ : ความรู้ บทความ เทศบาลเมืองชะอำ


        วันแม่แห่งชาติ หรือที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วันแม่" ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพและถือว่าเป็นวันแม่ของชาติด้วย
        แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาล ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวันแม่ของชาติ  ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
        วันแม่แห่งชาติ เป็นวันที่ทางราชการกำหนดในวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี และถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยกำหนดให้ถือว่า "ดอกมะลิ" สีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่เรา
        ใกล้ถึงวันแม่แห่งชาติ ก็ขอถือโอกาสนำเรื่องพระคุณของแม่ ในบางแง่บางมุมมาฝากพวกเรา ซึ่งหลายท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ ต้องทำหน้าที่ทั้ง ๒ อย่างควบคู่กันไป คือทำหน้าที่เป็นลูกที่ดี พร้อมกันนั้น ก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นแม่ที่ดีไปพร้อมๆกันด้วย  พระคุณของแม่ และแน่นอนรวมทั้งพระคุณของพ่อด้วย ในแง่มุมต่างๆ นั้น มีอยู่มากมาย จนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและโบราณจารย์ต่างๆ ถึงกับสรุปออกมาว่า พระคุณของพ่อแม่มีมากจนกระทั่งว่า

    "ถ้าจะเอาแผ่นฟ้ามาแทนกระดาษ เอาน้ำในมหาสมุทรมาแทนน้ำหมึก เอาเขาพระสุเมรุ ที่ถือว่าเป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุด มาแทนปากกา แล้วบรรจงเขียนพรรณนา พระคุณของพ่อ พระคุณของแม่ จนกระทั่งตัวอักษรเต็มผืนฟ้า น้ำทะเลหมดมหาสมุทร เขาพระสุเมรุทั้งลูกก็สึกราบเรียบไปหมด แม้กระนั้นก็ยังพรรณนาพระคุณของท่านไม่จบเลย"

        คำอุปมานี้บางท่านอาจจะมีความรู้สึกว่า มากเกินไปหรือเปล่า ซึ่งจะว่ามากไปก็มีส่วนถูก จะว่าน้อยไปก็มีส่วนถูก เพราะขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้น เป็นใคร เพราะอย่าว่าแต่แผ่นฟ้าทั้งผืนเลย แค่กระดาษชิ้นเท่าฝ่ามือ ถ้าให้คนบ้าเขียนพรรณนาพระคุณแม่ เขาคงเขียนไม่ได้ หรือถ้าเขียนได้ก็คงเขียนไม่เต็มกระดาษแผ่นนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อาหารทีชอบ









 



วิธีทำส้มตำไทย
ส่วนผสมที่ใช้ทำส้มตำไทย
- มะละกอดิบ 1 ลูก
- กระเทียม 5-6 กลีบ
- พริกขี้หนู 5-6 เม็ด
- มะเขือเทศผ่าครึ่ง 2 ลูก
- ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วฝักยาวหั่น 1 ฝัก
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว หรือ น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
- น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะ 
ขั้นตอนและวิธีทำการทำส้มตำไทย
1.ปลอกมะละกอ และล้างด้วยน้ำให้สะอาด แล้วทำการเฉาะมะละกอและสับให้เป็นเส้นๆ ใส่จานพักไว้
2.น้ำผักที่เตรียมไว้ทุกชนิดมาล้างให้สะอาด มะเขือ ผ่าครึ่งลูก ส่่วนถั่วฝักยาว ให้หันแบ่งท่อนละ 4 ท่อนเล็ก
3.หลักจากนั้นนำพริกขี้หนูและกระเทียมใส่ลงไปในครกที่เตรียมไว้ ตำให้แตก ไม่ต้องละเอียดจากนั้นตามด้วย
4.นำมะเขื่อเทศ ถั่วฝักยาว, ถั่วลิสง และกุ้งแห้งใส่ตามลงไปตำให้ทั่ว ให้ส่วนผสมเข้าถึงกันทั่วครก
5.หลังจากนั้นนำเส้นมะละกอ และ เครื่องปรุงที่เหลือ แล้วตำเบาๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ ตักใส่จาน เป็นอันได้ส้มตำไทยที่แสนน่ากิน